มีปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านของคุณ ปัจจัยบางอย่างเป็นปัจจัยภายนอก (เช่น สภาพเศรษฐกิจ) ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของคุณ ในขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ
(เช่น คะแนนเครดิตของคุณ) คุณอาจมีอำนาจในการควบคุมได้
ลองมาดูปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ว่ามีอะไรบ้าง:
MRR คืออัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ธนาคารต่าง ๆ ใช้ในการตัดสินใจว่าจะคิดค่าบริการเท่าไหร่จากการให้ บริการสินเชื่อและบริการอื่น ๆ ของธนาคารนั้น ๆ อัตราดอกเบี้ยนี้คืออัตราดอกเบี้ยที่คิดจากต้นทุน ในการ บริหารงานของธนาคารซึ่งโดยทั่วไปแล้วอัตราดอกเบี้ยของธนาคารส่วนใหญ่จะไม่แตกต่างกันมากนัก
โดยปกติแล้ว สินเชื่อบ้านจะอ้างอิงเป็นเปอร์เซ็นต์สูงหรือต่ำกว่า MRR ซึ่งหมายถึงในกรณีที่ MRR เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยที่คิดแบบอัตราดอกเบี้ยลอยตัวจากสิินเชื่อจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง เท่านั้นด้วย
โปรไฟล์เครดิตหรือคะแนนเครดิตส่วนบุคคลของคุณเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเป็นตัวชี้วัดว่าคุณมีคุณสมบัติ ในการขอสินเชื่อบ้านหรือไม่ ซึ่งรวมถึงจำนวนเงินและอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพร้อมจะปล่อยกู้ให้กับคุณ
โดยปกติแล้วธนาคารจะพิจารณาจากปัจจัยสองประการคือ ความน่าเชื่อถือและระดับรายได้ของคุณ หากคุณต้องการอัตราดอกเบี้ยต่ำคุณจำเป็นต้องมีโปรไฟล์เครดิตที่ดีและรายได้ที่ีดีมาก
อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านอาจต่างกันตามเงื่อนไขต่าง ๆ ในสินเชื่อ
วงเงินกู้ของสินเชื่อบ้าน – โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งคุณขอกู้เงินมากเท่าไหร่ คุณยิ่งมีอำนาจในการต่อรอง มากเท่านั้น และอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อก็จะยิ่งต่ำลงตามไปด้วยเช่นกัน
ระยะเวลาของสินเชื่อบ้าน – โดยทั่วไปแล้วสินเชื่อที่มีระยะเวลาสั้นกว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าสินเชื่อที่มี ระยะเวลานาน (เช่น อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า) ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะเป็นการวางแผนที่ดีในการขยายเวลาใน เงื่อนไขของสินเชื่อของคุณ คุณควรตระหนักด้วยว่าโดยทั่วไปจำนวนดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายจะน้อยกว่า ในเงื่อนไขซึ่งมีระยะเวลาสั้น
ประกันสินเชื่อบ้าน – ธนาคารบางแห่งจะมีข้อเสนอในการลดดอกเบี้ยในกรณีที่คุณทำ ประกันสินเชื่อ บ้านพร้อมกับการขอสินเชื่อของคุณ ประกันภัยเหล่านี้ (เช่น ประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) จะช่วยผ่อน ยอดเงินค้างชำระของสินเชื่อเมื่อเกิดการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ดังนั้นการทำประกันดังกล่าว ธนาคารจะถือว่าเป็นการลดความเสี่ยงของคุณในฐานะผู้กู้
อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านของคุณอาจแตกต่างกันตามทำเลที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ เหตุผลก็คือ ทำเลที่ตั้งบางแห่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อธนาคารได้
พื้นที่ที่กำลังเจริญและมีการประเมินราคาของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าต่อธนาคาร เนื่องจากเมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น ผู้กู้เงินซึ่งอยู่ในทำเลเหล่านี้ก็จะถือว่า “ร่ำรวยขึ้น” และโอกาสในการที่จะไม่ชำระหนี้ก็น้อยลงตามไปด้วย
ธนาคารต่างๆ มุ่งประสงค์ในกำไรเช่นเดียวกันกับธุรกิจทุกประเภท ในกรณีที่คุณใช้บริการหลายประเภท จากธนาคารเดียวกัน (เช่น บัญชีกระแสรายวัน บัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์) มีโอกาสเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับ ข้อเสนอที่ดีกว่าในการขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารนั้น (เมื่อเทียบกับธนาคารอื่น ๆ)
ข้อมูลและภาพประกอบ : imoneythailand.com
เรียบเรียง : ทิพรินทร์ ทองรุ่งงาม